กว่าจะมารักกันได้ (45 ตอนจบ)
การแต่งงานด้วยความรักแต่หากต้องหย่าด้วยความเจ็บปวดเมื่อชายหนุ่มประสบอุบัติเหตุจนสูญเสียความทรงจำในวันที่มีเธอแต่กลับจำคนรักเก่าได้ แล้วปารายาจะทำยังไงเมื่อต้องหย่าทั้งๆที่เธอกำลังตั้งครรภ์
ผู้เข้าชมรวม
2,608
ผู้เข้าชมเดือนนี้
46
ผู้เข้าชมรวม
ความรัก โรแมนติก คลั่งรัก นิยายรัก ครอบครัว นางเอกเก่ง ดราม่า ย้อนอดีต พระเอกเก่ง อบอุ่น แต่งงาน ร่ำรวย ยุค80 ทำสวน อดีตปัจจุบัน
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ตอนที่1
“ขอเก็บอีกหน่อยนะจ๊ะยาย”
ปารายาหญิงสาววัยยี่สิบหกที่กำลังช่วยตากับยายดูแลสวนผัก มือเรียวบางที่ค่อยๆตัดแต่งใบที่โคลนต้นเพื่อไม่ให้ใบเยอะจนเป็นแหล่งสะสมของตัวเพลี้ยและหนอนกินใบแถมยังให้ลูกของมะเขือโตมีน้ำหนักได้ราคาดีอีกด้วย ท่าทางคล่องแคล่วแม้จะห่างหายไปนานกับการทำสวนแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความชำนาญลดน้อยลงไปเลย
ยายหันมายิ้มให้และก้มหน้าก้มตารวบรวมผักที่เก็บตามออเดอร์ของลุงสมที่สั่งมา
สวนยายจันทร์ที่คนในละแวกนี้เขาเรียกกัน มีเนื้อที่ประมาณยี่สิบไร่เห็นจะได้ติดกับตีนเขามีลำธารขนาดเล็กไหลลงจากเขาตัดผ่านสวนของตากับยาย และผ่านไปยังไร่ข้างๆที่มีเนื้อที่กว้างขวางยาวสุดลูกหูลูกตา หากแต่บางช่วงมีหญ้าและต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นรกเหมือนที่ทิ้งร้างแทบจะมองอะไรไม่ค่อยเห็นเท่าไร
ปารายาเป็นหลานสาวคนเดียวของตากับยาย นับตั้งแต่พ่อกับแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่ทำให้ปารายาต้องมาอยู่ในความดูแลของตาและยายด้วยวัยเพียงสิบขวบเท่านั้น อาชีพหลักของบ้านคือทำสวนปลูกผักขายตาและยายมีรายได้จากสวนส่งเสียให้เธอเรียนจนจบปริญญาตรี และปารายาก็ได้เข้าทำงานในบริษัทแห่งหนึ่งด้านการตลาด หากมีโอกาสได้หยุดหลายวันเธอก็จะกลับมาเยี่ยมตากับยายตลอดเหมือนเช่นวันสุดสัปดาห์นี้
“เก็บอีกหน่อยก็พอแล้วล่ะลูก ฟ้าจะมืดแล้วเดี๋ยวไม่สบายเอานะ”
เสียงของยายตะโกนแว่วมาก่อนจะเอามือรวบผักที่แยกไว้ใส่ตะกร้าใบเล็กเดินตรงไปยังบ้านทิ้งให้หลานสาวได้เชยชมไม้ดอกที่เธอตั้งใจปลูกจนออกดอกสวยสะพรั่งไปทั้งสวน
“จ้ายายเดี๋ยวปายกผักที่เหลือไปเองค่ะ” หญิงสาวเอามือป้องปากส่งเสียงไปหายายเช่นกัน
“ สดชื่นจัง! อากาศดี๊ดี”
หญิงสาวกางแขนจนสุดตัวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อกักเก็บเอาอากาศบริสุทธิ์ที่หาไม่ได้เลยในเมืองหลวง ธรรมชาติที่ช่วยบำบัดจิตใจและร่างกายจนเธอหายเศร้าจากเรื่องที่โหดร้ายในอดีตได้จนหมด
ร่างบางปล่อยตัวให้พลิ้วไหวไปกับแรงลมและธรรมชาติดอกไม้หลายสายพันธุ์ที่แข่งกันโชยกลิ่นหอมจนทั่วบริเวณสวน ยิ่งอากาศเริ่มเย็นดอกไม้บางชนิดก็รีบส่งกลิ่นมาดึงดูดให้ได้เชยชมความหอมนั้น แสงสีทองสาดส่องรำไรกระทบใบหน้าขาวนวลขนตาที่แผ่ยาวงอนค่อยๆขยับเมื่อมีแสงทอดส่องกระทบ คิ้วได้รูปค่อยๆเลิกสูงโก่งขึ้นเมื่อรู้สึกว่าเวลาความสุขมันกำลังจะผ่านไป
หญิงสาวกลับมาเยี่ยมตากับยายทุกครั้งก็จะมาปลูกและชื่นชมเจ้าดอกไม้พวกนี้เสมอ แต่ละสายพันธุ์มีความงดงามของดอกที่หลากสีสวยงามสะพรั่งไปทั่วสวน มีทั้งดอกทานตะวัน ดอกกุหลาบ ดอกมะลิ ดอกชบาหลากสี ดอกดาวกระจายที่ออกดอกสวยงามหลากสีสันและอีกหลายสายพันธุ์ที่หญิงสาวนำมาปลูกเรื่อยๆ มีผีเสื้อสีสวยบินไปมาทั่วสวนทำให้บรรยากาศที่มีแสงแดดสาดส่องก่อนพระอาทิตย์จะลาขอบฟ้าดูอบอุ่นและอบอวนไปด้วยกลิ่นหอมละมุน
“เมื่อไหร่จะได้กลับมาอีกก็ไม่รู้ไปคราวนี้คงอีกนานค่ะยาย ตา “ เมื่อหญิงสาวกลับขึ้นมาพร้อมตะกร้าผักใบโตที่ต้องใช้รถเข็นช่วยทุ่นแรงเพื่อเอาขึ้นมาจากสวน
“กลับมาแล้วเหรอลูก”
“จ้ะตา” เธอวางตะกร้าผักที่คัดแยกชนิดแล้วไว้ที่โต๊ะหน้าบ้าน
“ว่างเมื่อไหร่ก็มาบ้านเราอยู่ใกล้กรุงเทพไม่กี่ชั่วโมงเอง” ตาเองก็ยังไม่อยากให้หลานกลับไปเช่นกันแต่จะทำยังไงได้ด้วยภาระหน้าที่และอนาคตของหลานสาวเอง
“ปาไปอาบน้ำอาบท่าก่อนเถอะลูก เดี๋ยวเรามาทานข้าวกันวันนี้มีน้ำพริกปลาทูกับผักสดๆทที่ปาชอบด้วยนะลูก” ยายพูดไล่หลังเมื่อหญิงสาวกำลังเดินเข้าห้องของเธอไป
“จ้ายาย ปาจะกินให้อร่อยไปเลยจ้า”
สิ้นเสียงร่างบางก็เดินหายเข้าห้องไป และไม่นานทุกคนในบ้านก็มานั่งทานข้าวอย่างพร้อมหน้า ความอบอุ่นในครอบครัวเล็กๆ ที่ตาและยายทุ่มเทความรักให้กับหลานสาวคนเดียวที่อยู่ในความโศกเศร้าหลายปีเมื่อต้องเสียพ่อและแม่ไป
อำเภอมวกเหล็กจังหวัดสระบุรี จะว่าไปก็ใช้เวลาเดินทางไม่นานปารายาเลือกเดินทางกลับโดยใช้รถทัวร์ประจำทางเข้ากรุงเทพเหมือนที่เป็นมา
“ครั้งนี้น่าจะเป็นปีเลยนะคะที่ปาจะได้กลับมาหาตากับยายอีก”
หญิงสาวพูดไปพลางเดินหิ้วกระเป๋าใบขนาดกลางไปขึ้นรถที่สถานีขนส่งประจำทาง
“สวัสดีจ้ะยาย ตา ปาคงคิดถึงตากับยายมากๆแน่ๆเลย”
“ตากับยายก็คิดถึงปาเหมือนกันจ้ะลูก” ยายเอามือลูบหัวหลานสาวก่อนจะโอบกอดด้วยความเป็นห่วง
เมื่อรำลากันให้หายคิดถึงก็ได้เวลารถทัวร์ขนาดยี่สิบสี่ที่นั่งเคลื่อนออกจากชานชาลา ตาและยายยืนโบกมือลาจนรถทัวร์คันใหญ่เคลื่อนไปลับสุดสายตา
“เฮ้อ..” เสียงถอนหายใจยาวของผู้เป็นยายเมื่อรถลับสายตาไปแล้ว
“สงสารยัยปานะตา นี่ถ้าพ่อแม่ยังอยู่คงจะมีความสุขพร้อมหน้าพร้อมตามากกว่านี้คงไม่ต้องไปทำงานกันไกลถึงที่กรุงเทพโน่นหรอกนะ เราเองก็คงจะมีกำลังส่งหลานได้ไม่มาก เราเองก็ต้องดูแลตัวเองให้แข็งแรงจะได้ไม่เจ็บป่วยให้เป็นภาระหลานก็คงจะช่วยได้เท่านี้แหละหนาตา”
ยายที่ยังทอดสายตาด้วยความกังวลมองดูถนนที่ว่างเปล่า
“ไม่เป็นไรหรอกยายปาเค้าเป็นคนเข้มแข็งยังไงแล้วหลานก็เอาตัวรอดได้ ตาเชื่ออย่างนั้นนะ” ตาบัวปลอบยายจันทร์ก่อนจะพายายขึ้นรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่กลับไร่ไป
ความวุ่นวายของผู้คนหลากหลายอาชีพที่สถานีรถไฟฟ้าย่านเศรษฐกิจ ซึ่งปารายาไม่สามารถหลีกหนีความวุ่นวายแบบนี้ได้เช่นเคย เธอพยายามเดินเบียดเสียดกับผู้คนที่ต่างก็รีบร้อนในช่วงเช้าของวันแรกในสัปดาห์ ปารายาทำงานทางด้านการตลาดกับบริษัทที่ผลิตอาหารแปรรูปซึ่งมีจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าและส่งออกอีกหลายประเทศ เธอเป็นผู้ช่วยของกิ่งแก้ว ผู้จัดการด้านการตลาดกับเงินเดือนพนักงานระดับต้นตามวุฒิปริญญาตรีที่เธอจบมา ประสบการณ์การทำงานและความขยันทำให้เธอได้เลื่อนขั้นมาเป็นผู้ช่วยด้วยระยะเวลาแค่หนึ่งปี
“สวัสดีค่ะพี่แก้ว”
ปารายาทักทายด้วยการยกมือไหว้กิ่งแก้วซึ่งเป็นหัวหน้างานโดยตรงของหญิงสาว
“สวัสดีจ้ะ เป็นยังไงบ้างกลับบ้านคราวนี้ได้พักเต็มที่พร้อมกลับมาลุยงานต่อแล้วใช่ไหมปา”
“ได้ออกซิเจนเต็มปอดเลยแหละค่ะพี่แก้ว พร้อมสู้เต็มที่ค่ะ “
ปารายาเป็นคนทำงานที่ได้ถูกใจกิ่งแก้วมาก เรียกว่าเป็นมือขวาของกิ่งแก้วเลย
“เดือนหน้านี้มีงานสัมมนากระชับมิตรของบริษัทเราด้วยนะ เป็นงานภายในไปแค่บริษัทเราจ้ะ พี่ว่าจะให้ปากับต้นไปด้วย”
กิ่งแก้วพูดแล้วอมยิ้มกรอกตาไปมาระหว่างปากับต้น เดือนหน้าที่ว่าซึ่งก็เหลือแค่อาทิตย์กว่าๆ เท่านั้น
“ได้เลยค่ะพี่แก้วปาไม่มีปัญหาค่ะ”
ปารายาเป็นเด็กว่าง่ายให้ทำงานช่วยงานอะไรได้หมด ไม่เคยเกี่ยงงานเลยแม้แต่บางครั้งที่เป็นวันหยุดเธอก็มาทำงานหากเป็นงานที่เร่งรีบ ปารายาจึงเป็นที่ถูกใจของกิ่งแก้วอย่างมาก ซึ่งกิ่งแก้วเองก็เอ็นดูปารายามากเช่นกัน
“ผมก็ไม่มีปัญหาครับ ไปได้ครับ” ต้นกล่าวทิ้งท้ายเช่นกัน
หลังจากพักทานอาหารกลางวันเสร็จเวลายังพอเหลืออีกหน่อย ปารายาอาสาจะไปซื้อกาแฟด้านหน้าตึกซึ่งเป็นร้านโปรดที่ทุกคนชอบ
“พี่ขอชาเย็นจ้ะ” กิ่งแก้วยิ้มกว้างให้กับคนอาสา
“พี่ด้วย” พี่วรรณเพื่อนร่วมงานในแผนกอีกคนที่ชอบชาเย็นเป็นชีวิตจิตใจ
“ผมไปเป็นเพื่อนมั้ยปา ผมอยากได้กาแฟดำอยู่เหมือนกัน”
ต้นจะไปด้วยแต่ยังไม่ทันจะได้ไปปารายาก็รีบอาสาทันที
“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวปาซื้อมาให้เองค่ะต้น ไม่กี่แก้วเองถือได้ค่ะ”
ปารายาพูดพร้อมกับรีบหยิบกระเป๋าเงินแล้วเดินออกจากโต๊ะอย่างเร็ว เพราะกลัวจะหมดเวลาพักซะก่อน
รถยนต์คันหรูที่เลื่อนเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าบริษัท บุรุษร่างสูงราวๆหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรไหล่กว้างดูภูมิฐาน รัศมีที่เป่งออกมาบ่งบอกถึงคนที่มีอำนาจสีหน้าและนัยน์ตาคมนั้นแฝงไปด้วยความเย็นชาถึงแม้เขาจะมีใบหน้าที่ดูโดดเด่นหล่อเหลา แต่ในเวลานี้กลับไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าหันไปสบตาแม้แต่คนเดียว ขาที่แข็งแรงกำลังก้าวยาวๆ เดินคิ้วขมวดด้วยสีหน้าที่คาดเดาไม่ได้เลยว่าวินาทีข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น
ชายหนุ่มมุ่งตรงไปยังลิฟต์ผู้บริหาร ประจวบเหมาะกับประตูลิฟต์ฝั่งตรงข้ามเปิดรอรับผู้โดยสาร ปารายาที่ยืนอยู่ในลิฟต์พร้อมกับสองมือที่ถือถุงพะรุงพะรังมองออกมานอกประตูลิฟต์สายตาของทั้งคู่ปะทะกันอย่างบังเอิญในระยะแค่สี่เมตร ดวงตากลมโตแววตาใสเป็นประกายคู่นั้นกำลังมองมาที่เขา ชายหนุ่มหยุดคิดถึงเรื่องที่ตัวเองกำลังกังวลโดยอัตโนมัติ สายตาที่คมเข้มเย็นชามีแววขึ้นเล็กน้อยเมื่อปะทะกับสายตาคู่สวยนั้น ในหัวเกิดคำถามในใจลึกๆแค่ไม่กี่วินาทีที่ได้สบตาคู่นั้นหัวใจที่แห้งแล้งกระตุกวาบขึ้นมาเมื่อมีสิ่งมากระทบก่อนที่ความคิดนั้นจะเตลิดไปไกล
“ชั้นไหนครับคุณรพี”
สิ้นเสียงผู้ช่วยวัยกลางคนประตูลิฟต์ก็ปิดสนิททันที รพีกระพริบตาถี่ๆสองสามทีเพื่อขับไล่ความคิดออกไป และกลับเข้าสู่ความกังวลเช่นเคย
“ชั้นเจ็ด ครับคุณประพันธ์
ประพันธ์เป็นผู้ช่วยรพีมาตั้งแต่เขาเริ่มเข้าสู่การได้รับตำแหน่งประธานบริษัทรุ่นที่สองประพันธ์เป็นผู้ช่วยที่เข้าใจผู้ที่มีตำแหน่งเป็นนายอย่างดีแม้รพีจะมีอายุน้อยกว่าเขา ด้วยรพีก็ให้เกียรติในการทำงานเสมอ รพีเป็นคนที่ทำงานเก่งรอบคอบ รู้เท่าทันในเรื่องของธุรกิจซึ่งบริษัทที่เขาดูนอกจากจะเป็นที่นี่ก็ยังมีสาขาที่ต่างประเทศและต่างจังหวัดอีก สองปีแรกที่รพีเข้ามาบริหารก็ทำให้บริษัทมีผลประกอบการมากขึ้นและขยายฐานการจำหน่ายเพิ่มขึ้นอีก จึงเป็นที่ได้รับความไว้วางใจจากคุณปราบผู้เป็นคนก่อตั้งบริษัทประการเกียรติขึ้นมาและเป็นคุณปู่แท้ๆของรพี การบริหารงานของรพีเป็นที่พอใจมากคุณปราบจึงค่อยๆวางมือจากธุรกิจเพื่อพักผ่อนในวัยเกษียน แต่สิ่งที่คุณปราบกำลังคาดหวังจากหลานชายคนนี้นั่นก็คืออยากให้รพีเริ่มต้นใหม่กับชีวิตรักอีกครั้ง
“เชิญครับ”
ประพันธ์กล่าวกับรพีเมื่อลิฟต์เปิดถึงชั้นเจ็ดแล้ว ทั้งคู่ได้เจอกับคุณอดิศรรองประธานและคุณพัชรินผู้ช่วย หลังจากทักทายกันเรียบร้อยแล้วทุกคนก็ตรงไปที่ห้องประชุมใหญ่ทันที บรรยากาศอึมครึมภายในห้องบ่งบอกถึงเรื่องที่ประชุมในวันนี้คงเป็นปัญหาที่จะต้องคลี่คลายกันโดยเร็ว เมื่อสินค้าที่ถูกส่งไปโดนตีกลับมาด้วยการบรรจุที่มีปัญหารพีจึงปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆไม่ได้เขาจึงต้องมาจัดการด้วยตัวเอง เมื่อผ่านไปสามชั่วโมงปัญหาก็คลี่คลายลงด้วยดีการเจรจากับทางคู่ค้าเป็นไปในทางที่ดี
รพีก็กลับออกจากบริษัทและตรงเข้าบ้านทันทีเมื่อเสร็จจากการประชุม บ้านประการเกียรติเป็นบ้านที่กรุงเทพย่านบางนาที่ไม่ไกลจากที่ทำงานของบริษัทมากนัก เขาชอบใช้เวลาตรงบริเวณริมสระว่ายน้ำนานๆ ร่างสูงที่อยู่ในชุดวอร์มซึ่งพึ่งผ่านการออกกำลังกายมาหมาดๆ คิ้วที่ขมวดเข้าหากันและสายตาที่ทอดยาวออกไปเหมือนชายหนุ่มไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่านั่งอยู่ตรงนั้นนานเท่าไหร่แล้ว จนเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มือใหญ่เอื้อมไปหยิบโทรศัพท์สมาร์โฟน หลังจากได้ยินเสียงก่อนที่จะสลัดความคิดทั้งหมดออกไป
“ฮัลโหล! ลูกเดี๋ยวแม่จะกลับไปถึงพรุ่งนี้นะ ลูกจะเอาอะไรมั้ย แม่จะได้แวะให้”
เสียงจากปลายสายของผู้เป็นแม่ซึ่งกำลังจะกลับจากการเที่ยวต่างประเทศ แต่ก็ไม่ลืมที่จะโทรหาลูกชายหัวแก้วหัวแหวน คุณผ่องเพชรแม่แท้ๆ ของรพีและยังมีพี่สาวร่วมแม่เดียวกันอีกหนึ่งคน รพรรณเป็นพี่สาวของรพีที่ตอนนี้แต่งงานและย้ายไปอยู่บ้านสามีคอยเป็นแม่บ้านให้กับสามีและดูแลลูกๆ ทั้งสองซึ่งเป็นครอบครัวที่อบอุ่นน่ารัก
“ไม่ครับคุณแม่ เดินทางปลอดภัยนะครับ”
คำตอบสั้นๆ เช่นเคยที่เธอได้จากลูกชาย
ครอบครัวของรพีเป็นครอบครัวเล็กๆ ที่มีคุณแม่ พี่สาว และคุณปู่ เป็นครอบครัวที่อบอุ่นแม้มีกันไม่เยอะทุกคนในบ้านใช้หลักของความเข้าใจในการอยู่ร่วมกัน หากไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นกับชายหนุ่มในวันนั้น เวลานี้เขาคงมีความสุขมากทีเดียว ผ่านมาห้าปีแล้ว ความเย็นชาและนัยน์ตาที่ว่างเปล่ายังไม่มีวี่แววที่จะดีขึ้น เขาต้องใช้เวลาในการเยียวยาจิตใจอีกนานแค่ไหนไม่มีใครทราบได้เลย เมื่อความเจ็บปวดจากการถูกหักหลังของแฟนสาวที่คบกันมาตั้งแต่มหาวิทยาลัย
สุรีนันท์แอบไปมีความสัมพันธ์กับอีกคนที่ใกล้ชิด การอดทนรอคนรักซึ่งอยู่ห่างกันคนละฝากโลก จิตใจที่เคยมั่นคงก็กลับสั่นคลอนที่ละนิดจนไม่สามารถจะรักษาสัญญากับชายหนุ่มไว้ได้ จะโทษเธอซะทีเดียวก็คงจะไม่ได้เมื่อการรอคอยที่เนิ่นนาน เมื่อมีคนที่มาใส่ในยามเหงาและความใกล้ชิดก็ทำให้ใจที่เคยมั่นคงย่อมแปรเปลี่ยนสถานะไปได้
ซึ่งต่างจากชายหนุ่มที่มุ่งมั่นกับการทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายโดยไม่วอกแวกกับสิ่งยั่วเย้าภายนอก แต่เมื่อชายหนุ่มรู้ข่าวว่าสุรีนันท์กำลังหมั้นหมายกับชายอื่น ข่าวนั้นทำให้รพีเหมือนถูกตบหน้าเข้าอย่างจังจนทำให้เขากลายเป็นคนเงียบขรึมและเก็บตัวไม่ออกไปสังสรรค์ที่ไหนอีกเลย
“แม่อยากให้ลูกมีความสุข อยากให้ลูกเปิดใจอีกครั้งเรื่องที่มันผ่านมาแล้วตั้งห้าปีก็ลืมมันไปเถอะ ใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้มีความสุขเถอะนะลูก”
เสียงอ่อนโยนของผู้เป็นแม่ที่อยากให้ลูกชายได้มีความสุขในชีวิต และมีคู่ชีวิตที่จะดูแลกันและกันไปตลอด ความห่วงใยของคนเป็นแม่ก็คงมีแค่เท่านี้คุณผ่องเพชรไม่ได้หวังว่าคนที่จะมาเป็นสะใภ้จะต้องมีคุณสมบัติยังไงเธอเพียงต้องการคนที่รักลูกชายเธอจริงๆ และลูกชายเธออยู่ด้วยแล้วมีความสุขเท่านั้นพอ หญิงสูงวัยที่มีดวงตาอ่อนโยนดูใจดี เธอเคยอยู่ในช่วงเวลาที่ลูกชายมีความทุกข์จากเรื่องชีวิตคู่ เธอแนะนำผู้หญิงให้ลูกชายอยู่บ้าง แต่จนแล้วจนรอดรพีก็ไม่เคยเปิดใจให้ใครอีกเลย
ด้วยเหตุนี้การพัฒนาไร่ภูตะวันจึงเกิดขึ้นก่อนที่เขาจะกลับจากต่างประเทศ ชายหนุ่มต้องการใช้ชีวิตที่ไร่ภูตะวัน ความรู้สึกที่ต้องการหลีกหนีความรวดร้าว ความเศร้า ความเหงาจนกลายเป็นคนเก็บตัวในที่สุด หากมีเวลาสุดสัปดาห์ชายหนุ่มจะไปที่ไร่ภูตะวันที่ๆ เขาใช้พักใจพักกายนั่นเอง
เสียงบีบแตรและเสียงดังของรถที่วุ่นวายบนท้องถนนเหมือนนาฬิกาบอกถึงช่วงเช้าวันใหม่ของคนเมืองกรุง ปารายามาทำงานแต่เช้าเธอลงบันไดจากสถานีรถไฟฟ้าก็เดินมุ่งตรงเข้าสู่ตัวตึกที่ตั้งอยู่ระยะไม่กี่สิบเมตรห่างจากถนนใหญ่
“เดี๋ยววันนี้พี่แก้วมีประชุมนะคะ น้องปาช่วยเตรียมเอกสารให้หน่อย”
กิ่งแก้วพูดพลางมือของเธอก็ควักไขว่กับเอกสารตรงหน้านั้น
“ปาๆ แล้วเสร็จแล้วเอาเอกสารตามพี่ไปที่ห้องประชุมเลยนะ พี่ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว กลัวระเบิดจะลงซะก่อนจ้า”
กิ่งแก้วเดินกึ่งวิ่งตรงไปยังลิฟต์ทันทีเมื่อพูดจบ
“ได้เลยจ้าพี่แก้ว”
ปารายาพูดไล่หลังกิ่งแก้วผู้เป็นหัวหน้า หญิงสาวอมยิ้มกับคำพูดติดตลกของกิ่งแก้ว และให้หลังสิบห้านาทีร่างบางที่กำลังหมุนตัวไปมากับเอกสารตรงหน้าก็รีบวิ่งหอบเอกสารตามไปอีกคน
“ได้แล้วค่ะพี่แก้วเรียบร้อยนะคะ พี่แก้วเพิ่มเติมอะไรส่งไลน์มาหาปาได้เลยนะคะ”
ปารายาไม่รอฟังอีกฝ่ายร่างบางก็หมุนตัวกลับออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
“อุ๊ย!” เสียงที่เปล่งออกมาด้วยความตกใจ
“ขอโทษค่ะ”
เธอเซจนเกือบล้มเพราะเจ้ารองเท้าส้นสูงระดับสามนิ้วที่เธอสวมใส่อยู่นั้นไม่มั่นคงพอที่จะรับน้ำหนักให้เธอยืนตรงอยู่ได้ เมื่อเจอแรงกระแทกเข้าอย่างจังร่างบางที่เกือบจะล้มกลับมีมือที่แข็งแรงช้อนรับเอาไว้ได้
สองมือเล็กของเธอเกี่ยวเกาะที่แขนเขาโดยอัตโนมัติ ทำให้ปารายามีหลักยึดเกาะพอที่จะยืนทรงตัวได้
“ขอบคุณมากนะคะ”
ใบหน้าที่กังวลและแววตาที่เธอจ้องมองเขาด้วยความรู้สึกผิดนั้น มันส่งผลกระทบให้แววตาคมวูบไหวไปชั่วครู่ กลิ่นที่เขาไม่คุ้นเคยโชยเข้าจมูกเมื่อหญิงสาวอยู่ใกล้เพียงแค่คืบ หัวใจที่แห้งแล้งกลับสั่นไหวขึ้นมาราวกับว่าเขาถูกสะกดให้นิ่งอยู่ตรงนั้น หน้านวลใสที่กำลังค่อยๆ เงยขึ้นมองเขาอย่างช้าๆ กล้าๆ กลัวๆ หากเพราะสายตาของเธอเหลือบไปเห็นสูทราคาแพงที่มือของเธอเกาะเกี่ยวอยู่นั้น ก็คงเดาได้ไม่ยากว่าบุรุษตรงหน้าที่พยุงเธออยู่มีตำแหน่งที่ไม่เบาเลย ปารายาเอ๊ย!
ชั่วขณะไม่กี่วินาทีมันทำให้หัวใจและความคิดของทั้งคู่เตลิดไปไกลพอควร ชายหนุ่มและสายตาที่มีแววหวั่นไหว หัวใจที่ค่อยๆเต้นแรงขึ้นมาแบบไม่ทราบสาเหตุหลังจากที่มันสงบนิ่งมานาน
ภาพดวงตาคู่สวยของหญิงสาวในลิฟต์เมื่อวันก่อนก็ผุดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อสบตาคู่สวยนี้
“คราวหลังเดินให้ระวังกว่านี้นะครับ”
ก่อนที่เขาจะละมือออกจากเอวบาง และเบนสายตามองไปที่มือของหญิงสาว
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ และดิฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่เดินไม่ระวัง”
พูดจบก็รีบดึงสองมือที่เกาะแขนอยู่เพื่อทรงตัวออก และยืนตรงโค้งหัวเล็กน้อยให้อีกฝ่าย
ที่กำลังเดินเข้าประตูห้องประชุมไปโดยไม่หันกลับมามอง
“เฮ้อ!... หวังว่าคงไม่ใช่ผู้มีอำนาจเถอะ”
เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของปารายาก็หลุดออกมาพร้อมกับรับเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานโดยไม่มีความคิดใดๆกับสถานการณ์เมื่อครู่นี้ ด้วยภาระงานเอกสารที่กองอยู่เต็มโต๊ะทำให้เธอไม่มีเวลาว่างพอที่จะได้คิดถึงสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นต่อให้ผู้ชายทรงสมาร์ทดังกล่าวเป็นใครก็ตาม
ผลงานอื่นๆ ของ ณภัคทองระย้า ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ณภัคทองระย้า
ความคิดเห็น